Transcript
Page 1: Sec.A thainationusa นานาจิตตัง › tnn › a7.pdf · ดู อยู่ที่มุมมองและกฏแห่งกรรม!! ทำไมวันนี้

หนา้ 7ไทยเนชั่นยูเอสเอwww.thainationusa.com thainationusa

นานาจิตตังSec.A

( ต่อจากหน้า A5)

( ต่อจากหน้า A1 )

อ้างสมาคมไทยลาสเวกัส โจมตี “ตุ๊กตา”พยาบาล!!

มารีญา รํ่าไห้ขอโทษ ไม่ถึงมิสยูนิเวิร์ส แต่เข้ารอบท็อป5 ปลื้มทำดีสุดแล้ว

ต่างจิตก็ต่างใจ ต่างวัยก็ต่างคิด!!.. เพราะทุกอย่างอยู่ภูมิหลัง ภูมิปัญญา วุฒิภาวะ ชาติกำเนิด การเลี้ยงดู อยู่ที่มุมมองและกฏแห่งกรรม!! ทำไมวันนี้ “ลุงโฮม” มาแปลก!!...ถือว่าเป็นการอำลาปีเก่า 2560 เปิดใจให้กัน มีอะไรๆก็ระบายออกมา บอกกันมาเถอะ เพื่อเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ เพราะปรกติลุงโฮมก็เขียนมาแนวนี้อยู่แล้ว... ฉบับอยากเขียนเรื่อง “นานาจิตตัง” ก็เหตุเพราะความแตกแยกในสังคมชาวโลก ที่เป็นเห็นเด่นชัดคือที่เมืองไทยเรา...ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา สังคมแตกเห็นได้ชัด เริ่มจากเรื่องส่วนตัวของคนสองคน เลยกลายเป็นปัญญหาของประเทศไปในที่สุด จวบจนทุกวันนี้ ก็ไม่รู้จะแก้กันยังไง เลยคำว่าให้อภัยและปรองดองกันแล้ว!! เพราะต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ไม่มีการ “อภัยทาน”ในจิตใจกันแล้ว ทุกอย่างต้องลุยให้แตกหัก อันเป็นหนทางสู่ความฉหายะนะแก่ประเทศชาติเรา...- ความหวังที่มีแต่ความผิดหวังก็คือ หวังให้ใครๆ คิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา- ความหวังที่ทำให้พบแต่ความทุกข์ก็คือ หวังให้ใครๆ คิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา- ความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้ก็คือ หวังให้ใครๆ คิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา ซึ่งทั้งสามคำถามนี้หลายคนอาจมีคำตอบพร้อมเหตุผลที่แตกต่างกันอยู่ในใจ และไม่ว่าใครจะมีคำตอบเป็นอย่างใด เมื่อนำมาสรุปแล้ว ความแตกต่างกันของคำตอบและเหตุผลของแต่ละคนนี่แหละ.... คือ หัวใจของคำตอบของทั้งสามคำถามข้างต้น ที่หมายถึง นานาจิตตัง นั่นเอง เพราะความแตกต่างทางความคิด อันเนื่องมาจากภูมิหลังที่ไม่เหมือนกัน...ประกอบกับอุปนิสัยที่ต่างกันจึงทำให้แต่ละคนแสดงพฤติกรรมทางกาย วาจา และใจไม่เหมือนกันเลย..แม้จะอยู่ในสถานการณ์และ ช่วงเวลาเดียวกัน… เช่น ในการเข้าแถวออกกำลังกายที่ใช้จังหวะท่าทางเดียวกัน แต่ก็มีความต่างในรูปลักษณะที่ปรากฏ รวมทั้งความรู้สึกในใจที่แต่ละ คนมีอยู่ซึ่งไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ขณะที่อยู่ในท่านี้ ใครมีความคิดอย่างไร..บางคนอาจคิดถึงงาน บางคนอาจคิดถึงอาหาร บางคนอาจคิดถึงบ้าน บางคนอาจคิดถึงคนรัก ฯลฯ ความแตกต่างเหล่านี้หลายคนยอมรับได้ในทางทฤษฎีว่า มีความแตกต่างกันอยู่จริง แต่เมื่อใดที่เราเข้า

สู่ภาคปฏิบัติเพื่อจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้วเรามักลืมเรื่องความแตกต่างเหล่านี้เสียสิ้น แต่กลับทวีความมุ่งหวัง และ อำนาจบังคับให้แต่ละสิ่งเป็นไปตามที่เราปรารถนาไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด อาจมีหลายๆคนเห็นว่า ทำดีแต่กลับไม่ได้ดี มีแต่ความทุกข์ความเจ็บช้ำขมขื่น....บางทีถูกตำหนิจากบุคคลแวดล้อมก็มี แต่ต้องอดทนอดกลั้นเพื่อจะรักษาภาพของคนดีนั้นไว้...การที่เขามีความรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่า เขาเหล่านั้นมีความมุ่งหวังให้ผู้อื่นยอมรับ หรือยกย่องชมเชยการกระทำของตน และหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ไม่ได้พิจารณาแยกแยะว่า ผู้ทำและผู้ที่อยู่แวดล้อมล้วนมีจิตใจที่แตกต่างกัน...การกระทำที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นการสร้างเหตุใหม่ส่วนการไม่ได้รับการยอมรับนั้นเป็นผลที่เกิดมาจากเหตุเก่า ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน อันที่จริงหากคิดได้ถูกแล้วก็จะเห็นว่า ความดีเมื่อได้กระทำแล้วก็จะได้รับผลตอบแทนทันทีคือ ความดีนั่นเอง…แต่เมื่อความหวังนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ความผิดหวังและความทุกข์ก็ติดตามมาเป็นธรรมดา.. หรืออย่างการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เราก็มักจะมีความหวังว่าเขาจะเข้าใจเรา ..ยอมรับเรา ทำในสิ่งที่ถูกใจเรา ทำตามที่เราแนะนำด้วยความเต็มใจ..ซึ่งบ่อยครั้งเราก็จะพบกับความขมขื่นในสิ่งที่หวังไว้เหล่านี้ และเรามักจะมีคำถามเสมอว่า ...ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย.. ทำไมเขาไม่เห็นความปรารถนาดีของเราเลย จริงแท้แน่นอนที่ความปรารถนาดีเป็นสิ่งที่ควรมีแก่กันเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เพียงการชี้แจงให้ทราบถึงเหตุและผลในเรื่องราว..ก็เพียงพอแล้วกับสัมพันธภาพที่ดี หากเมื่อใดที่มีการตั้งความหวังและใช้คำสั่งหรือบังคับ ความอึดอัดคับข้องใจก็จะต้องเกิดขึ้นกับแต่ละฝ่าย..และก็ถึงซึ่งความเจ็บช้ำใจเพราะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เหมือนดังเนื้อเพลงที่เขาเขียนไว้ว่า .....หวังสิ่งใดก็ได้แต่สิ้นหวัง สิ้นแรงพลังความหวังสูญสลาย..ก็เพราะไปหวังผิดที่นั่นเอง ไปหวังเอากับจิตมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึงนั่นจะได้อย่างไรกัน ในขณะที่ตั้งคำถามนี้เราได้ลืมเรื่องของ “นานาจิตตัง” ไปเสียสนิท ลืมว่าแต่ละคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพทางความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน ลืมว่าแต่ละคนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน มีความเชื่อความชอบในสิ่งที่ต่างกันไป ลืมว่าแต่ละคนมีเหตุของบุญและบาปที่ทำไว้ต่างกัน จึงต้องประสบกับผลที่ต่างกันและเลือกทำในสิ่งที่ต่าง

กันไป นอกจากลืมประเด็นสำคัญเหล่านี้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว หลายคนยังพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติในหลักของอนัตตา….ที่จะพยายามบังคับบัญชาผู้อื่นให้รู้สึกนึกคิดตามที่เราต้องการ ความทุกข์จึงทวีคูณเป็นสองเท่าเพราะทำในสิ่งที่ไม่มีทางสำเร็จได้เลยถึงสองประการ ตัวอย่างง่ายๆ นี้แสดงให้เห็นถึงทางแห่งความทุกข์ที่เรามักเลือกเดินอยู่บ่อยๆ โดยไม่รู้จักเปลี่ยนเส้นทาง แล้วก็ฟูมฟายร้องไห้เสียน้ำตาอยู่บนเส้นทางนั้นอย่างเดียวดาย !!! คนส่วนมากจึงยอมรับอย่างดุษฎีว่า การใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะความหลากหลายของจิต ที่แต่ละคนมีนั่นเอง และในทางตรงข้าม การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย หากยอมรับได้ในความแตกต่างเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกนึกคิด หรือสถานการณ์ที่แต่ละคนต้องประสบ หากเราต่างรู้เหตุที่เกิดแห่งจิตนึกคิดเหล่านั้น เราก็จะเข้าใจว่า “นานาจิตตัง” นั้นคือจิตที่ปรุงแต่งแล้ว!!หาได้เป็นจิตที่บริสุทธิ์ไม่!! ความรู้สึกนึกคิดเป็นนานาจิตตัง - เมื่อเราอยู่ร่วมกัน ความรู้สึกนึกคิดของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เรามักจะยึดถือความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นใหญ่เช่น ตุ๊กแกตัวเดียว ถ้ามันร้องแล้ว หลายคนก็คงนึกคิดไม่เหมือนกัน คนหนึ่งรู้สึกว่าไม่ชอบตุ๊กแก เพราะทำให้สถานที่สกปรก อีกคนหนึ่งก็ไม่ชอบ เพราะตุ๊กแกมีผิวหนังน่าเกลียด บางคนก็อาจจะกลัวแต่ก็มีบางคนที่ชอบ เพราะ ตุ๊กแกนี้กินได้ สมัยเด็กๆเคยกินอร่อยมากหรือว่าชอบเพราะทำให้มีรายได้ ตอนสมัยเด็กๆเคยจับตุ๊กแกไปขายได้ค่าขนมมา บางคนก็คิดว่าตุ๊กแกนี้เสียงไพเราะดี คนทำงานธนาคารท่านหนึ่ง เขามาวัดมาฝึกสมาธิกับอาจารย์รูปหนึ่งในต่างจังหวัด เขาคุยว่า “ผมชอบตุ๊กแกผมชอบมาก มีความสุข ตอนเช้าอากาศเย็นๆ ฟังเสียง

นก ฟังเสียงตุ๊กแกร้อง โอ้ ธรรมชาตินี่ดี แค่ฟังเสียงตุ๊กแกก็รู้สึกผ่อนคลาย คุ้มค่าขับรถจากกรุงเทพฯมาไกลกว่าจะถึงวัด เวลานอนคล้ายกับอยู่ในป่า ฟังเสียงตุ๊กแกแล้วรู้สึกมีความสุขดี”... ตุ๊กแกตัวเดียวนี้ ถ้ามีสิบคนก็สิบความรู้สึก สิบความคิดเห็น ทีนี้เรารู้ไหม เราก็คือตุ๊กแก ทั้งๆที่ตัวเราเองไม่เหมือนตุ๊กแก แต่คนที่อยู่รอบตัวเราสิบคนนี้ ก็มีความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ กลัวเรา รู้สึกต่างๆนานา ถึงแม้เราเป็นคนดีขนาดไหน ใจดีขนาดไหน บางคนก็อาจจะไม่ชอบเรา ทั้งที่เราเองรู้สึกตัวชัดเจนว่า เราดำเนินชีวิตตามปกติ เราเป็นคนดี เป็นคนธรรมดา แต่บางคนก็ชอบเราบ้าง ไม่ชอบเราบ้าง กลัวเราบ้าง มีสารพัดความรู้สึก เราก็เลยเปรียบเหมือนเป็นตุ๊กแกตัวนั้น เราจึงควรเข้าใจความเป็นนานาจิตตัง เพื่อที่จะได้มีใจหนักแน่น ไม่แคร์ความนึกคิดของคนอื่นมาก หากเราคิดว่าเราทำดีทำถูกแล้วก็ให้มีความสุขกับการกระทำที่ดีของเราเอง ใครจะว่าอย่างไรก็ไม่เป็นอะไร เพราะความรู้สึกนึกคิดเป็นนานาจิตตัง “เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราคือใคร”?? เมื่อใจของเราไม่ดี เช่นโกรธ น้อยใจ เป็นต้น ให้หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด เพราะเมื่อใจของเราไม่ดีแล้ว เราก็จะคิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดี มีความลำเอียงไปในเชิงลบไม่ได้มองตามความเป็นจริง สรุปก็คือถ้าใจของเราเสียๆแล้ว ทำอะไรๆผลก็จะออกมาไม่ดีต้องหยุดหมดทุกอย่าง เมื่อจิตใจเป็นปกติสุขภาพใจดีแล้วจึงค่อยลงมือทำ พูดหรือคิด!! สรุปว่า “ลุงโฮม ก็เป็นลุงโฮมอยู่วันยังค่ำ” ใครเขาจะว่าอะไร ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เราก็คือเรา เชื่อมั่นในความเป็นเราและก้าวไปอย่างมั่นคง..เพราะทั้งหมดนั้นคือ นานาจิตตัง!!... ขออำลาปีเก่า 2560 แล้วสวัสดีปีใหม่ 2561 ขอให้เป็นปีที่สดใสในชีวืตจิตใจของทุกท่านตลอดไป...ด้วยรักและปรารถนาดี จาก ลุงโฮม สารคาม.

ลาสเวกัสรู้จักชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ คนไทยในชุมชนลาสเวกัสจะโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลด้านสุขภาพและสวัสดิการสังคมมาโดยตลอด โดยการนัดเจอเป็นการส่วนตัวที่ Welfare office, Medicare office, Medicaid Office และอีกหลายหน่วยงานตามความต้องการการช่วยเหลือของผู้ที่มาติดต่อ เนื่องด้วยการช่วยเหลือบุคคลต่างๆในการขอสวัสดิการสังคมเป็นความลับที่ดิฉันต้องเก็บโดยจรรยาบรรณของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ดิฉันไม่เคยขอรายละเอียดส่วนตัวของใครเก็บไว้เพื่อที่จะรายงานองค์กรใดๆ เพราะจุดมุ่งหมายต้องการให้คนไทยที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ขาดความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพสวัสดิการสังคมได้ให้เขาพ้นทุกข์ก็เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองที่เสียสละเวลามาช่วย ในปี 2017 นี้ ในช่วงฤดูกาลเปิดรับสมัครและเปลี่ยนแปลงประกันสุขภาพของ Nevada Health Link และ Medicare ดิฉันได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลกับชุมชน ตามวัดต่างๆ ล้าลุดคือการจัดฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมา ดิฉันได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด มีคนไทยแอบอ้างเอาอีเมล์ Thai Association of Las Vegas ส่งไปโจมตีดิฉันทุกสถานที่หน่วยงานภาครัฐและศูนย์ช่วยเหลือชุมชนชาวเอเชีย ทำให้หน่วยงานต่างชาติขาดความมั่นที่จะติดประสานกับดิฉัน ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งอาศัยใครในลาสเวกัสเพราะเมืองลาสเวกัสไม่มีผู้นำชุมชนมาหลายปีแล้ว ดิฉันต้องการขอความสนับสนุนจากพี่น้องชุมชนชาวไทยทุกคนในลาสเวกัส ให้ช่วยเซ็นสนับสนุนดิฉันเพื่อที่จะนำเอกสารนี้ไปแสดงต่อท่านกงสุลใหญ่ธานี แสงรัตน์ เพื่อขอหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากชุมชนไทยในลาสเวกัสในการติดประสานงานกับหน่วยงานรัฐการต่างๆของอเมริกา ที่เกี่ยวกับสุขภาพชุมชนไทยในลาสเวกัส เพื่อที่จะไม่

ให้เกิดอุปสรรคในกรณีมีผู้แอบอ้างทำลายชื่อเสียงของดิฉันกับชาวต่างชาติอีก แล้วจะประกาศข่าวว่าจะสามารถช่วยเซ็นสนับสนุนได้ที่ไหนกับใครบ้างในเร็วนี้ ขอบคุณพี่น้องชุมชนชาวไทยที่ไว้วางใจให้กำลังใจและสนับสนุนในการทำงานด้านสุขภาพชุมชนชาวไทยในลาสเวกัส มาโดยตลอด สุจิตรา แย้มโคกสูงพยาบาลจิตอาสาประจำชุมชนไทยในลาสเวกัส 702.785.3741 [email protected]

จดหมายจากอดีตนายกสมาคมไทยลาสเวกัส นายณรงค์ ทองศรีนุ่นจากลุงณรงค์ค่ะก็แปลกดีครับ ที่มีคนทำความดี มีจิตอาสา ช่วยเหลือสังคมไทยในลาสเวกัสมานาน ตุ๊กตา สุจิตรา แย้มโคกสูง และสามี หมอทอ้ด ได้เสียสละเวลา เอาความรู้ช่วยคนไทย โคยตั้งโต๊ะตรวจสุขภาพฟรีคนตายกันมากเพราะละเลยตรงนี้ สองสามีภรรยไปงานบุญกุศลแทบทุกงาน และบริจาคทำบุญ งานสังสรรค์ชาวเอเซียก็ได้รับเชิญแทบทุกงาน ตุ๊ตารวบรวมคนไทยใจบุญเลี้ยงทหารผ่านศึกอย่างน้อยปีละสองครั้ง ครั้งละร่วมสองร้อย ทหารผ่นศึก โฮมเลส บ้างก็พิกลพิการ บางครั้ก็เชิญ สส วุฒิมาช่วยตักอาหารแจก นอกจากทำบุญแล้ว ยังช่วยเชิดหน้าชูตาให้กับสังคมไทย แต่อยู่ๆ มีคนทำหนังสือในนามสมาคมไทยไปถึงองค์กรต่างชาติ โจมตีตุ๊ตา ต่างๆนาๆว่าเป็นคนหลอกลวง พยาบาลปรอม หมอปลอม ทำไมสังคมไทย จึงเป็นอย่างนี้ อิษาริสยา มันดูละครน้ำเน่ามากไปหรือเปล่า ก็คงไม่พ้นหนังเจ้าของหนังสือพิมพ์น้ำเน่าฉบับหนึ่ง ที่เขาทำกับทุกคนที่ล้ำหน้าเขา.

แรงใจจากกองเขียร์ชาติต่างๆ คุณมัทนาจากไทยเนชั่นทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ได้ทั้งภาพทั้งคลิป ส่งตรงให้ทางเมืองไทยสำนักข่าวต่างๆ ทั้งทีวี นสพ. นิตยสารต่างๆ โซเชี่ยลมีเดี่ยเฟสบุ๊คและยูทูปด้วย ตลอดระยะเวลาในการประกวดมิสยูนิเวืร์ส ที่เริ่มมาตั้งแต่ 13 พ.ย.แล้ว เราขอชื่นชมและปรบมือให้คุณมัทนา คาร์ที ที่ได้ทุ่มให้งานนี้ เพื่อประเทศไทยของเรา สุดยอดจริงๆๆ ซึ่งงานนี้ท่านกงสุลใหญ่แอลเอ คุณธานี แสงรัตน์ และภรรยา ให้เกียรติไปเป็นกำลังใจ ร่วมเชียร์นางงามจากประเทศไทยเรา รวมถึงผู้นำชุมชนไทยจากแอลเอ

เช่น คุณศรีวงศ์ คุณหนึ่งฤทัย คุณไอด้า เตโชพาส ประธานหอการค้าไทยแอลเอ อีกหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยนาม และจากเวกัสมีคุณเคท กิตติกุล ผจก.ไทยเนชั่น คุณสมพร แฮสเลอร์ อีกหลายที่ไปเชียร์คืนตัดสินด้วย!! เราขอชื่นชม และขอขอบคุณทุกท่านที่ทำเพื่อประเทศไทยเรา ส่วนสื่อทางเมืองไทยก็ได้นำเสนอข่าว 1 ใน 5 - "มารีญา พูลเลิศลาภ" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 ครั้งที่ 66 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดย"เดมี่ ลีห์ เนล ปีเตอร์ส" มิสแอฟริกาใต้ ได้ตำแหน่งไปครอง เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 60 ไปไม่ถึงฝั่งฝันมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส

( ติดตามต่อหน้า A11 )

ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๙๔ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖o Vol. 11 No.194 December 2017