35

Lipid

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Lipid

Citation preview

Page 1: Lipid
Page 2: Lipid
Page 3: Lipid
Page 4: Lipid
Page 5: Lipid

อธิบายความหมาย องคป์ระกอบ และบทบาทของสารชีวโมเลกลุได้1

2 อธิบายความหมาย โครงสร้าง สมบตัิ และประโยชน์ของไขมนัและนํ#ามนัได้

อธิบายความหมาย องคป์ระกอบ โครงสร้าง ชนิด และคุณค่าของโปรตีนได้3

โปรตีน ?

4 อธิบายความหมาย โครงสร้าง ชนิด และสมบตัิของคาร์โบไฮเดรตได้

5 อธิบายความหมาย องคป์ระกอบ ชนิด และหนา้ที'ของกรดนิวคลีอิกได้

Page 6: Lipid

สารอินทรียท์ี�มีธาตุคารบ์อน(C) และไฮโดรเจน(H) เป็นองคป์ระกอบหลกัสารอินทรียท์ี�มีธาตุคารบ์อน(C) และไฮโดรเจน(H) เป็นองคป์ระกอบหลกั

โมเลกลุมีขนาดใหญ่มากเมื�อเทียบกบัโมเลกลุของสารทั �วไป

พบอยู่ในสิ�งมีชีวิตเท่านั-น

มีอยู่ในอาหารที�รบัประทานในแต่ละวนั

Page 7: Lipid

ใชใ้นการเจริญเติบโต

เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนเอนไซม ์และระบบคุม้กนั

เป็นส่วนหนึ'งในการรักษาสมดุลของนํ#าและกรด-เบส

ถ่ายทอดลกัษณะทางพนัธุกรรมช่วยใหผ้วิหนงัชุ่มชื#น สุขภาพผมและเลบ็ดี

สลายใหพ้ลงังาน

รอ้ยละ 50 ของนํ-าหนกัแหง้ของคนเรา คือ โปรตนี

Page 8: Lipid
Page 9: Lipid
Page 10: Lipid

เป็นสารประกอบที�มีอยู่ในเนื- อสตัวท์ุกชนิดและในเมล็ดพืช

โดยเฉพาะในนํ-ามนัพืช นํ-ามนัหมู และเนยชนิดต่างๆ

Page 11: Lipid

http://teacher.nsru.ac.th/sumolta/sumolta/new_page_2.htm

ที'มา บทความวชิาการเรื'องไขมนัและนํ#ามนักบัการอุดตนัของหลอดเลือด วารสารวชิาการงานครบรอบ 80 ปี สถาบนัราชภฏันครสวรรค ์

Page 12: Lipid

http://teacher.nsru.ac.th/sumolta/sumolta/new_page_2.htm

ที'มา บทความวชิาการเรื'องไขมนัและนํ#ามนักบัการอุดตนัของหลอดเลือด วารสารวชิาการงานครบรอบ 80 ปี สถาบนัราชภฏันครสวรรค ์

Page 13: Lipid

http://teacher.nsru.ac.th/sumolta/sumolta/new_page_2.htm

ที'มา บทความวชิาการเรื'องไขมนัและนํ#ามนักบัการอุดตนัของหลอดเลือด วารสารวชิาการงานครบรอบ 80 ปี สถาบนัราชภฏันครสวรรค ์

Page 14: Lipid

อาหารส่วนที'กินได ้100 กรัม

ไขมนั (กรัม)

อาหารส่วนที'กินได ้100 กรัม

ไขมนั (กรัม)

มาการีน 81.0 เนื#อหมู 28.5

เบคอนทอด 52.0 ไข่ไก่ 11.5

งา 49.1 ไอศครีม 10.5

เมลด็มะม่วงหิมพานต์ 45.7 ปลาแซลมอน 7.4เมลด็มะม่วงหิมพานต์ 45.7 ปลาแซลมอน 7.4

ไส้กรอก 37.8 นม 3.5

มะพร้าว 35.3 โยเกิร์ต 3.5

เนยแขง็ 30.0 เยลลี' 0.1

http://teacher.nsru.ac.th/sumolta/sumolta/new_page_2.htm

ที'มา บทความวชิาการเรื'องไขมนัและนํ#ามนักบัการอุดตนัของหลอดเลือด วารสารวชิาการงานครบรอบ 80 ปี สถาบนัราชภฏันครสวรรค ์

Page 15: Lipid

ไขมนัเป็นสารที�จาํเป็นต่อสิ�งมีชีวิตที�จะขาดไม่ได้ไขมนัเป็นสารที�จาํเป็นต่อสิ�งมีชีวิตที�จะขาดไม่ได้

ป้องกนัการสูญเสียความร้อนของร่างกาย

ป้องกนัการสูญเสียนํ#า

ไขมนัช่วยป้องกนัการกระแทก

ทาํใหผ้วิหนงัชุ่มชื#นไม่หยาบกร้าน ช่วยใหผ้มและเลบ็มีสุขภาพดี

ช่วยละลายวิตามินหลายชนิดที'จาํเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน A D E และ K

Page 16: Lipid

ไขมนัและนํ#ามนัเป็นสารประกอบที'เรียกวา่

+ +

ไตรกลีเซอไรดท์ี'เป็นของแขง็ที'อุณหภมูิหอ้ง เรียกวา่

ส่วนที'เป็นของเหลว เรียกวา่

กลีเซอรอล กรดไขมนั ไตรกลีเซอไรด์

+ +

Page 17: Lipid

โครงสร้างของกรดไขมนัประกอบดว้ยโซ่ยาว

ที'เกิดจากธาตุคาร์บอนต่อกนัดว้ย พนัธะเดี�ยวหรือพนัธะคู่

หมู่คารบ์อกซิล ( ) ซึ' งมีสมบตัิเป็นกรด- CO2H

Page 18: Lipid

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

Page 19: Lipid

เมื'อทาํปฏิกิริยากบั ที'ความดนัสูง และมีตวัเร่งปฏิกิริยาที'เหมาะสม

เช่น จะเปลี'ยนเป็น

PtCH3 – (CH2)7 – CH = CH – (CH2)7 – CO2H + H2 CH3 – (CH2)16 – CO2HCH3 – (CH2)7 – CH = CH – (CH2)7 – CO2H + H2

กรดโอเลอิก

CH3 – (CH2)16 – CO2H

กรดสเตียริก

เรียกวา่

หรือ

นาํหลกัการนี#ไปใชใ้นอุตสาหกรรมการผลิตเนยเทียม (มาการีน) และครีมเทียม

Page 20: Lipid

คือ กรดไขมนัที'ร่างกายจะขาดไม่ได ้ ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได ้ ตอ้งไดร้ับจากสารอาหารเท่านั#น ไดแ้ก่ กรดไลโนเลนิก และกรดไลโนเลอิก

เมล็ดดอกทานตะวนั มีกรดไขมนัจาํเป็น

เมล็ดถั �วเหลือง มีกรดไขมนัจาํเป็น ร้อยละ52

ในเดก็ทารก ถา้ขาดกรดไขมนัจาํเป็น อาจเกิดโรคผวิหนงัอกัเสบไดง้่าย ทาํใหผ้วิหนงัหลุดออก เป็นสาเหตุทาํใหต้ิดเชื#อไดง้่ายและบาดแผลหายชา้

เมล็ดดอกคําฝอย มีกรดไขมนัจาํเป็น

ร้อยละ74

มีกรดไขมนัจาํเป็น ร้อยละ63

เมล็ดขา้วโพด มีกรดไขมนัจาํเป็น ร้อยละ55

มีกรดไขมนัจาํเป็น ร้อยละ52

เมล็ดงา มีกรดไขมนัจาํเป็น

ร้อยละ44

Page 21: Lipid

เกบ็ไวน้านๆ

ความร้อนสูง+

ออกซิเจนในอากาศนํ#า ออกซิเจนในอากาศ

ปฏิกิริยาออกซิเดชนั

นํ#า

ปฏิกิริยาไฮโดรลิซีส

วติามิน EEEE มีอยูใ่นนํ#ามนัพืช แต่มีปริมาณไม่มากพอ ในอุตสากรรมการผลิตนํ#ามนัพืช จึงเติมวิตามิน EEEE เพิ'มเขา้ไป เพื'อช่วยชะลอการเกิดกลิ'นเหมน็หืนในนํ#ามนั

Page 22: Lipid
Page 23: Lipid

หากรบัประทานอาหารที�มีไขมนัส่วนเกินมากกว่า

พลงังานที�ร่างกายตอ้งการ ร่างกายจะนําสารอาหารส่วนที�เหลือ

สะสมไวใ้ตผ้ิวหนงัและอวยัวะต่างๆ เป็นสาเหตุของโรคใด

Page 24: Lipid

นํ-ามนัที�เกิดการเหม็นหืนง่ายคือนํ-ามนัที�ประกอบดว้ยกรดไขมนัชนิดใด

กรดไขมนัไม่อิ'มตวั ในโมเลกลุประกอบดว้ยพนัธะคู่อยา่งนอ้ย 1 คู่ ซึ' งสลายตวัไดง้่ายทาํใหเ้กิดการเหมน็หืนไดเ้ร็วกวา่กรดไขมนัอิ'มตวั

Page 25: Lipid

ในอุตสาหกรรมผลิตนํ-ามนัพืช จะเติมสารใดเพิ�มเขา้ไป

เพื�อช่วยชะลอการเกิดกลิ�นเหม็นหืนในนํ-ามนั

วติามิน E เป็นสารยบัย ั#งการเกิดปฏิกิริยาระหวา่งกรดไขมนัไม่อิ'มตวักบันํ#าหรือออกซิเจนในอากาศ

Page 26: Lipid

นํ-ามนัที�ผ่านการทอดอาหารซํ-านานเกินไป

จะมีคณุค่าทางโภชนาการลดลง และอาจเป็นสาเหตุของโรคใดจะมีคณุค่าทางโภชนาการลดลง และอาจเป็นสาเหตุของโรคใด

แหล่งขอ้มูล : http://www.thaienergynews.com/Index_1_2.asp

Page 27: Lipid

สร้างสารพวกสเตอรอลที'อยูใ่ตผ้ิวหนงั ซึ' งเปลี'ยนไปเป็นวิตามิน D เมื'อไดร้ับแสงอาทิตย์

เป็นฉนวนของเส้นประสาทต่างๆ

เป็นสารที'พบในหลอดเลือดและส่วนต่างๆของร่างกาย

ใชเ้ป็นสารเบื#องตน้ในการสร้างฮอร์โมนเพศทุกชนิด

สร้างนํ#าดี

สร้างสารพวกสเตอรอลที'อยูใ่ตผ้ิวหนงั ซึ' งเปลี'ยนไปเป็นวิตามิน D เมื'อไดร้ับแสงอาทิตย์

Page 28: Lipid

ร่างกายสามารถสังเคราะห์คอเลสเทอรอลไดเ้อง

แต่มีปริมาณไม่เพียงพอ จึงตอ้งไดร้ับเพิ'มจากอาหาร ไดแ้ก่

ไข่ไก่ทั#งฟอง 427 mg หมึกกลว้ย 251 mg กุง้กลุาดาํ 175 mg

*** ปริมาณคอเลสเทอรอล(mg) ในนํ#าหนกัอาหาร 100 กรัม

ตบัไก่ 336 mg

หอยนางรม 231 mg

Page 29: Lipid

+

Page 30: Lipid

+

_+_

+

Page 31: Lipid

++

สบู่ที'ทาํจากไขมนัจะแขง็กวา่สบู่ที'ทาํจากนํ#ามนัในอุตสาหกรรมการทาํสบู่จึงใชน้ํ#ามนัและไขมนัผสมกนั เพื'อใหส้บู่มีเนื#อนุ่มนวลน่าใช้

++

Page 32: Lipid
Page 33: Lipid
Page 34: Lipid
Page 35: Lipid

เคลือบผิวเฟอรน์ิเจอร ์รถยนต ์และพื-น

ทําเทียนไข และเครื�องสําอาง เช่น ลิปสติก

ผสมในสบู่ และครีมทาผิว